Nipponkitchen

กลับมาทำเบนโตะอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานแสนนาน เบนโตะวันนี้ต๊ะทำใส่ปิ่นโตสแตนเลส เป็นปิ่นโตเถาเล็กๆ ที่ต๊ะเล็งไว้ตั้งแต่ปีก่อน แต่เพิ่งมาได้ฤกษ์ซื้อเมื่อไม่นานนี่เอง ช่วงนี้เงินเยนอ่อนยวบยาบเห็นราคาแล้วเซ็งมาก ก้อขยับขึ้นมาตั้ง 500 เยน (อุตส่าห์จำราคาหลายเดือนก่อนได้ด้วย) แต่ก็ซื้อค่ะ เพราะคิดถึงปิ่นโตที่เคยหิ้วสมัยเด็กๆ (แต่ตอนนั้นเกลียดนะ เพราะว่ามันหนักมาก แล้วไหนจะกระติกนํ้าอีก ประเป๋านักเรียนอีก)

ที่ต๊ะอยากจะบอกก็คือสำหรับคนที่สนใจทำเบนโตะ อยากทำเบนโตะนะคะ เราไม่จำเป็นต้องซื้อกล่องเบนโตะแบบเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณกล่องเบนโตะไม้จากเกียวโต หรือกล่องเบนโตะไม้ไผ่จากทตโตะริ (เว้นแต่ว่าเราจะชอบจริงๆ) คุณจะใช้กล่องสำหรับอาหารแบบไหนก็ได้ไม่จำกัด ขอให้เป็นกล่องที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ก็พอแล้ว เช่น มันอาจจะทุลักทุเลที่เราจะเอาปิ่นโตสแตนเลสหนักๆ ขึ้นรถเมล์ และก็เสี่ยงที่จะหกเลอะเทอะด้วย ก็มองหาอะไรที่เหมาะกับเราดีกว่านะคะ

เบนโตะที่ต๊ะทำวันนี้เป็น Charaben แบบง่ายๆ ต๊ะใช้เวลาทำทั้งหมดประมาณ 40 นาทีเท่านั้น (รวมเวลาเตรียมอาหารด้วยนะคะ) ไก่แม่ลูกที่เห็นนี้ทำจากนกกระทาค่ะ วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก ต้มไข่นกกระทาสัก 2 ฟอง ปอกแล้วเอามีดจักไข่ขาว (ใช้คำนี้รึเปล่าคะ) ให้เป็นฟันปลา แล้วดึงไข่ขาวออก จะได้ลูกไก่ ส่วนไข่ขาวที่จักออกมาก็เอาไปวางสวมบนไข่นกกระทาอีกฟอง ก็จะได้แม่ไก่ ง่ายมากเลยใช่ไหมคะ ส่วนตาก็ทำจากสาหร่าย รายละเอียดที่เหลือก็เป็นแครอทค่ะ

เอาล่ะค่ะไปดูข้างในกล่องดีกว่านะคะว่ามีอะไรบ้าง

หลังจากย้ายมาอยู่ญีปุ่นแล้วต๊ะรู้เลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก นับไปนับมาต๊ะอยู่ญีป่นุมาได้ 3 ปีแล้ว และเพิ่งไปต่อวีซ่ามาเมื่อวาน 3 ปีที่โตเกียวเนี่ย ต๊ะรู้สึกเหมือน 3 เดือนดีๆ นี่เอง ชีวิตที่โตเกียวทุกอย่างเต็มไปด้วยความรีบเร่ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้นํ้ามันตราเต่าที่ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะทันชาวบ้านอย่างต๊ะ มาอยู่ใหม่ๆ บอกได้เลยว่าต๊ะเวียนหัวมาก แต่อยู่ๆ ก็คุ้น ถึงต๊ะจะทำอะไรไม่ได้เร็วกว่าเดิมเท่าไหร่ แต่ต๊ะก็ชอบความเร็ว และการบริการสไตล์ญี่ปุ่นนะ พนักงานร้านค้าจะเหมือนตื่นเต้น ตื่นตัว ตลอด หูตาว่องไว ถามอะไร ก็รู้รอบ ตอบได้ ไม่มียืนซึม หลับใน ถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นลองสังเกตดูแล้วจะรู้ว่าต๊ะโม้รึเปล่า 

เอาล่ะค่ะวันนี้หลังจากรอคิวนานร่วมชั่วโมง และจ่ายค่าต่อวีซ่า 4000 เยน (ราว 1200 บาท ไม่มากไม่มายสำหรับการได้อยู่ญีปุ่นอีก 5 ปี แต่พอต้องจ่ายเป็นเงินเยนก็รู้สึกเหมือนแพงจัง) ต๊ะก็กลับมารอวีซ่าใหม่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ  ก็ต๊ะน่ะมีแพลนที่จะไปทำธุระที่ไทยเร็วๆ นี้ค่ะ ก็ต้องรอวีซ่าก่อนถึงจะจัดการเรื่องตั๋วได้อะไรได้ เมื่อคิดว่าจะได้ไปกินอาหารไทยแบบเน้นๆ กินผลไม้เมืองร้อนสดๆ มันก็มีความสุขบอกไม่ถูกนะ

เข้าเรื่องเมนูอาหารวันนี้ดีกว่าเทมาริ ซูชิ เป็นซูชิทีทำง่าย กินอร่อย มีสีสันสดใสน่ารัก ที่ญี่ปุ่นจะเห็นได้บ่อยตามงานฉลอง งานเลี้ยง เป็นเมนูที่นิยมทำใส่เบนโตะด้วย (แต่จะไม่ใส่ของดิบนะคะ) ซูชิสูตรนี้ทำกันได้โดยไม่ต้องอาศัยความรู้เรื่องข้าวอะไรมากมาย และไม่ต้องแล่ หั่นปลาให้สวยเช้งเหมือนร้านซูชิ ชอบของดิบก็ใส่ของดิบ ไม่ชอบก็ใส่กุ้งต้ม ปลาย่างได้ตามสะดวก

วิธีการทำไม่ยุ่งยาก เอาปลาวาง เอาข้าวใส่ และปั้นเป็นก้อนกลมเหมือน เทมาริ บอล 

ปกติแล้วเทมาริ ซูชิ ที่ต๊ะเคยเห็นจะประดิดประดอย กระร่อยกระหริบกว่าที่ต๊ะทำเยอะนะ ตรงนี้ใครจะใส่อะไร จะตกแต่งอะไรก็เต็มที่เลยค่ะ 

วันนี้ต๊ะเลือกใส่ชิเมะ ซาบะ (しめ鯖) เป็นซาบะแล่เป็นชิ้น ไร้ก้างดองในนํ้าส้ม รสชาติออกเปรี้ยวๆ มันๆ (บรรยายเหมือนมะม่วง แต่ไม่ใช่นะ) กับแซลมอนรมควัน ใช้แค่ 2 อย่างค่ะ ตามประสาคนขี้เกียจและไม่ชอบอยู่ในครัวนานๆ ถึงหน้าตาจะไม่หวือหวาเหมือนใครเค้า แต่ต๊ะก็รับประกันความอร่อยนะคะ

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรเทมาริซูชิ (Temari Sushi手まり寿司）ที่ต๊ะทำกิน กับซาดาโอะ และโคขิดีกว่าอร่อยน้า 

ส่วนผสม

ข้าวซูชิ (ดูวิธีเตรียมที่นี่)

ชิเมะ ซาบะ และแซลมอนรมควัน

ซีอิ่วญี่ปุ่นสำหรับเสริ์ฟ 

วิธีทำ

1. แล่ปลา หั่นเป็นชิ้นพอคำวางลงบนฟิล์มถนอมอาหาร

2. ปั้นช้าวเป็นก้อนกลมวางลงไป ขนาด 30 กรัม กำลังสวยค่ะ (แต่ซาดาโอะว่าข้าวเยอะไปหน่อย) 

4. ทำจนครบปริมาณที่ต้องการ เสริ์ฟได้ค่ะ ลองทำกันดูนะคุะ

ชาบู ชาบู เป็นเมนูที่ต๊ะอยากทำมาตั้งนาน แต่ก็ไม่ได้ทำสักที เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่โตเกียวไม่ค่อยมีโอกาสจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ ครั้นจะตั้งหม้อกินคนเดียว หรือชวนซาดาโอะมากินด้วยก็ยังมีแค่สอง น้อยไปหน่อยนะสำหรับเมนูนี้ ก็รอจนโคชิเริ่มมีใจให้เนื้อหมูมากขึ้น ตอนนี้มีสามคนแล้วก็ได้เวลาลงมือทำซะที 

ทำชาบู ชาบู ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด นํ้าซูปก็เตรียมแสนง่าย ไม่ต้องเคี่ยว ใช้แค่สาหร่ายคอมบุ ส่วนหมูก็ซื้อเอาที่เค้าสไลด์แล้ว นํ้าจิ้มก็ทำง่ายใช้เครืองปรุงไม่กี่อย่าง จริงๆ แล้วมันเหมาะที่จะเป็นอาหารกินในบ้านมากกว่าในร้านนะ (แต่เมื่อก่อนตอนอยู่กรุงเทพต๊ะก็ไม่เคยทำหรอก....ก็ขี้เกียจนั่นแหละ) ต๊ะคิดว่าส่วนที่ยุ่งยากที่สุดน่าจะเป็นหาซื้อเนื้อหมูสำหรับทำชาบู ชาบู นั่นแหละค่ะ ถ้าอยู่กรุงเทพแนะนำฟูจิซุปเปอร์นคะ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ใช้หมูสันคอ สไลด์ให้บางประมาณ 2 มล. ที่โตเกียวหมูชาบู ชาบู หาไม่ยากค่ะ มีทุกที แต่ก็ต้องรอลดราคาก่อนถึงจะซื้อนะ 

ลองทำชาบู ชาบู สูตรนี้กันดูค่ะ แล้วจะรู้ว่าทำกินในบ้านก็อร่อย ไม่แพ้ตามร้าน แถมยังสะอาด และประหยัดกว่ามากมาย เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรชาบู ชาบู (Shabu Shabu しゃぶしゃぶ) ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่าอร่อยน้า 

ส่วนผสม

นํ้า 2500 มล.
สาหร่ายคอมบุ 4-5 ชิ้น
ตันหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
เนื้อหมู 400-500 กรัม (หรือตามชอบ)
เต้าหูชนิดแข็ง 1 ก้อน (เวลาต้มจะได้ไม่เละ)
ผักกาดขาว1/2 หัว  

เห็ดหอม 6-8 ดอก
เห็ดเข็มทอง 1 กำ

สำหรับซอส 
Mizkan Pon Shabu หรือ Mizkan Goma Shabu
หรือ
Homemade Pon Shabu (ซอสพอนสึ)
โชยุ 5 ช้อนโต๊ะ
Mizkan Rice Vinegar 2 ช้อนโต๊ะ
นํ้าเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
มิริน 1 ช้อนชา
ต้นหอมซอยนิดหน่อย

Homemade Goma Shabu (นํ้าจิ้มชาบู ชาบู รสงา)
ดาชิ 100 มล.
งาขาวคั่วบดละเอียด 6 ช้อนโต๊ะ
มิโซะขาว 2 ช้อนโต๊ะ
มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
Mizkan Rice Vinegar 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมจีนบด 1 กลีบ
นํ้ามันพืช 2 ช้อนชา

ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาต๊ะได้รู้ข้อมูลที่น่าประหลาดใจอย่างนึง (สำหรับต๊ัะ) นั่นคือหอยลายญี่ปุ่น　（Asari Clam) เป็นอาหารพิเศษสำหรับช่วงใบไม้ผลิ (Spring Food) ต๊ะกินหอยลายญีปุ่นมาร่วมๆ 3 ปี ถึงจะไม่ได้กินทุกวัน แต่ก็ถือว่ากินบ่อยเอาเรื่อง แต่เพิ่งสังเกตว่าหอยลายที่ว่างขายในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นทั้งหวาน เนื้อแน่น ตัวอ้วนแทบจะเต็มฝา ซื้อมากิน 2-3 ครั้ง ติดๆ กันก็เป็นแบบนี้หมด ค้นหาข้อมูลถึงได้รู้ว่าหอยลายญีปุ่นเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับอุณหภูมิมาก อาหาศที่หอยลายชอบที่สุดก็คืออากาศเย็นๆ ของช่วงฤดูใบไม้ผลิ  และหอยลายช่วงนี้จะมีรสดีที่สุด 

เขียนมายืดยาวไม่เกี่ยวกับเมนูวันนี้เลยสักนิด ก็แค่อยากจะบอกคุณๆ ว่าถ้ามีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิล่ะก็ขอแนะนำให้ลองชิมหอยลายช่วงนี้ดู แล้วจะรู้ว่าต๊ะพูดจริงรึเปล่า